เรื่องของกาแฟ
กาแฟ เครื่องดื่มยอดนิยมตลอดกาล จะเป็นกาแฟร้อนต้อนรับวันใหม่ กาแฟเย็นดับกระหาย กาแฟเย็นผสม โกโก้ที่อร่อยถูกใจคนทุกวัย ฯลฯ โชคดีที่โลกใบนี้มีการปลูกกาแฟสายพันธุ์ดีๆ อย่างอาราบิก้ากันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในอเมริกาใต้ แอฟริกาและอินโดนีเซีย มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 บวกกับเทคนิคการชงกาแฟคั่วบดที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องในยุโรป ท้ายสุดเราชาวไทยจึงได้ลิ้มลองความอร่อยของกาแฟคั่วบดที่ชงจากเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา

เมื่อศึกษาลึกลงไปก็พบว่า ความก้าวหน้าในการพัฒนาสายพันธุ์อาราบิก้า เทคนิคการเพาะปลูก ขั้นตอนการล้าง หมักและตากแห้ง ศาสตร์และศิลป์ของการคั่ว และการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟของประเทศในแถบละตินอเมริกาและแอฟริกาล้ำหน้าไทยอยู่หลายก้าว อีกทั้งพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกอาราบิก้าในไทยยังมีค่อนข้างจำกัดอยู่บริเวณภาคเหนือ ทำให้ผลผลิตอาราบิก้าชั้นนำที่รู้จักและยอมรับกันทั่วโลกก็ยังเป็นผลผลิตที่ได้มาจากละตินอเมริกา แอฟริกา และอินโดนีเซีย ในขณะที่เมล็ดกาแฟอาราบิก้าของไทยก็กำลังไต่อันดับโลกได้อย่างดีวันดีคืน ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา

SINGLE ORIGIN COFFEE
เมล็ดกาแฟที่ได้จากแหล่งเพาะปลูกหรือกำเนิดแห่งเดียว ฟาร์มเดียว หรือพื้นที่เดียว ซึ่งเป็นการโชว์คาแร็คเตอร์ของเมล็ดกาแฟนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน ทั้งคุณภาพและรสชาติของกาแฟ

COFFEE BLEND
เมล็ดกาแฟจากแต่ละประเทศทั่วโลก หรือจากแต่ละพื้นที่เพาะปลูก ก็จะมีคาแร็คเตอร์โดดเด่นที่ต่างกัน อีกทั้งรสนิยมการดื่มกาแฟของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาค แต่ละเชื้อชาติ แต่ละวัย ก็ต่างกัน บางครั้งกาแฟที่ได้จากพื้นที่เพาะปลูกแหล่งเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงมีผู้นำเอาเมล็ดกาแฟจากหลายพื้นที่มาเบลนด์ เพื่อให้เกิดรสชาติของกาแฟแบบใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร แต่ยังคงไว้ซึ่งความโดดเด่นของคาแร็คเตอร์กาแฟของแต่ละพื้นที่นั้นๆ ซึ่งผสมผสานคุณสมบัติของกาแฟไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น bodyกาแฟที่เข้ม นุ่ม aromaที่หอมกรุ่น รสชาติตอนปลายที่ทิ้งไว้ในคอ และระดับ acidity ที่ต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นการเบลนด์ของกาแฟจากสายพันธุ์เดียวกันแต่ต่างพื้นที่เพาะปลูก หรือการเบลนด์ของกาแฟต่างสายพันธุ์ (Arabica/Robusta) ก็จัดว่าเป็นการเบลนด์ทั้งสิ้น หากแต่ว่าสามารถทำให้เกิดรสชาติกาแฟใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปจาก Single Origin ได้