ชงกาแฟสดที่บ้าน ที่ออฟฟิศ ด้วยเมล็ดกาแฟอาราบิก้า ง่ายๆ ไม่แพงเลย


Home	Product	Service	Order	Article	News	Rewards

ชงกาแฟสดที่บ้าน ที่ออฟฟิศ ด้วยเมล็ดกาแฟอาราบิก้า ง่ายๆ ไม่แพงเลย

พศ. นี้ คนไทยคุ้นเคยกับการดื่มกาแฟสดในชีวิตประจำวันแล้ว บางท่านดื่มวันละหลายแก้ว จะซื้อตามร้านกาแฟแก้วละร้อยสองร้อยทุกครั้ง เดือนนึงก็เป็นค่าใช้จ่ายเยอะอยู่ บางท่านตื่นเช้ามาแล้วอยากดื่มกาแฟพร้อมอาหารเช้าก่อนออกจากบ้าน การมีเครื่องชงและเมล็ดกาแฟอยู่ที่บ้าน จึงสะดวกกว่า

ตามออฟฟิศหลายแห่งที่มีสวัสดิการกาแฟฟรีให้พนักงาน ก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นกาแฟสด โดยเฉพาะออฟฟิศขนาดกลาง-เล็ก มาดูกันดีกว่าครับว่าจะชงกาแฟสดที่บ้านและออฟฟิศกันอย่างไร ให้ได้กาแฟหอมอร่อย ในงบประมาณที่รับได้

เริ่มที่เครื่องชงกันก่อนครับ ตามร้านกาแฟสดเขาจะใช้เครื่องชง Espresso Machine กัน จะชงกาแฟให้ดีนอกจากคุณภาพเมล็ดกาแฟแล้ว ยังขึ้นกับฝีมือการชงของบาริสต้าด้วย ช็อทกาแฟที่กลั่นออกมาเรียกกันว่า เอสเพรสโซ ช็อท (Espresso shot) ครับ เมื่อสตีมนมเติมลงไป ก็จะกลายเป็นลาเต้ คาปูชิโน ฯลฯ ซึ่งเป็นกาแฟยอดนิยมของคนไทย เอสเพรสโซช็อทนี้ ถ้าเติมน้ำร้อนลงไป จะเรียกว่า อเมริกาโน

ผมไม่แนะนำเครื่องชง Espresso Machine สำหรับที่บ้านและออฟฟิศครับ ราคาเครื่องก็เรื่องนึง แต่กระบวนการในการชง เป็นอุปสรรคใหญ่กว่า ขอแนะนำเครื่องชงอย่างน้อย 2 แบบ ที่เหมาะกับบ้านและออฟฟิศ

เครื่องชงแบบนี้ เห็นทั่วไปตามบ้านในยุโรปมานานหลายทศวรรษแล้ว เพราะชาวยุโรปดื่มแต่กาแฟสด ดื่มกันวันละหลายแก้ว จนถึงก่อนนอน ต้องมีเครื่องชงไว้ประจำบ้านครับ

หลักการทำงานคือ ใส่ผงกาแฟ (Ground coffee) ลงที่กรอง มีช่องให้ใส่น้ำ(อุณหภูมิห้อง)แยกจากผงกาแฟ พอกดปุ่มทำงาน เครื่องจะต้มน้ำให้ร้อน ความร้อนจะดันน้ำไหลผ่านผงกาแฟอย่างรวดเร็ว กาแฟที่ได้ออกมาเป็นอเมริกาโน จะผสมนมสดร้อน หรือครีมเทียม แล้วเติมน้ำตาลตามชอบครับ

เครื่องดริปขนาดมาตรฐานสำหรับบ้านและออฟฟิศทั่วไป ชงได้ถึงครั้งละ 10/15 แก้ว ถ้าชงเพียงหนึ่งแก้ว ใส่ผงกาแฟ 2 ช้อนตวง (ส่วนใหญ่ช้อนตวงจะมากับเครื่อง ถ้าบางยี่ห้อบางรุ่นไม่มี แนะนำไปซื้อที่ Daiso ครับ อย่าใช้ช้อนโต๊ะหรือช้อนชาตวง ปริมาณจะเพี้ยนได้) ตวงน้ำประมาณ 200 ซีซี (ml.) 2 แก้ว น้ำ 400 ซีซี ถ้าชงเกิน 2 แก้วขึ้นไปดูที่มาตรวัดด้านข้างครับ เขาจะขีดไว้ให้ ส่วนผงกาแฟ ไม่ได้เพิ่มแบบทวีคูณครับ ยิ่งชงมากแก้ว จะใช้ผงกาแฟเฉลี่ยต่อแก้วน้อยลง

ส่วนผงกาแฟ ไม่ได้เพิ่มแบบทวีคูณครับ ยิ่งชงมากแก้ว จะใช้ผงกาแฟเฉลี่ยต่อแก้วน้อยลง

1 แก้ว ใช้กาแฟ 2 ช้อนตวง
2 แก้ว ใช้กาแฟ 3 ช้อนตวง
ครึ่งโถ ใช้กาแฟ 5 ช้อนตวง
เต็มโถ ใช้กาแฟ 9 ช้อนตวง

หากชงแล้วดื่มไม่หมด เปิดเครื่องไว้ ถาดอุ่นจะอุ่นกาแฟให้ร้อนตลอดเวลา แต่อย่าอุ่นนานเกินไป กาแฟจะขม ชงให้พอดีๆกับการดื่มแต่ละครั้ง ดีที่สุดครับ

หาซื้อเครื่องดริปได้ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป พาวเวอร์บาย พาวเวอร์มอลล์ โฮมโปร บิ๊กซี โลตัส แมคโคร มีหมดครับ ยี่ห้อดังๆ ที่รู้จักกันดี เสถียร ใช้งานได้หลายปี ราคาเฉลี่ยพันต้นๆเท่านั้นครับ

เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ คือเครื่องชงที่มีเครื่องบดในตัว เราใส่เมล็ดกาแฟคั่ว (Roasted coffee) ที่ยังไม่บด เข้าไปด้านบนของเครื่องได้เลย เครื่องจะทำงานโดยบดเมล็ดกาแฟก่อน (Grinding) จัดปริมาณผงกาแฟ (Ground coffee) ต่อหนึ่งแก้ว (Dosing) อัดผงกาแฟ (Tamping) แล้วจึงกลั่นน้ำกาแฟ Espresso shot ออกมาทีละแก้ว หรือสองแก้ว ใช้งานง่าย สะดวก ส่วนใหญ่มีก้านสตีมนมมากับเครื่องด้วย ถ้าฝึกสตีมนมได้ก็ดีครับ แต่ถ้าสตีมนมไม่เป็น ก็อุ่นนมสดพาสเจอไรซ์ในไมโครเวฟ ก่อนเอาแก้วที่มีนมสดไปรับ Espresso shot จากเครื่องชง อร่อยได้เหมือนกัน

เครื่องชงอัตโนมัติ ราคาเริ่มที่ 2 หมื่นปลายๆ ไปถึง 2-3 แสนบาท เครื่องที่ราคาสูงๆ จะสตีมนมอัตโนมัติเลย กดปุ่มเลือกชนิดกาแฟได้ ว่าจะเอาเอสเพรสโซ คาปูชิโน ลาเต้ ม็อคคา หรืออเมริกาโน สะดวกมาก ที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเซ็นทรัล (ไม่ใช่เพาเวอร์บายนะครับ) จะมีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายรุ่น

เวลาเลือกนมสดพาสเจอไรซ์ที่จะผสมกาแฟ เลือกยี่ห้อที่กลิ่นไม่แรงนะครับ ไม่งั้นจะกลบ coffee aroma และ coffee body หมดเลย ผมคงแนะนำยี่ห้อนมสดออกสื่อตรงนี้ไม่ได้ เดี๋ยวหาว่าเลือกที่รักมักที่ชัง แอบโทรมาถามที่ Hotline 087-5160330 ดีกว่านะครับ

เครื่องชงกาแฟทั้งสองแบบนี้ นิยมใช้ตามห้องอาหารและห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม คราวหน้าแวะผ่านไป ลองสังเกตุดูได้ครับ

หลังจากเลือกเครื่องชงคู่กายแล้ว ต้องหาเมล็ดกาแฟอาราบิก้าในดวงใจกันหน่อย โชคดีของไทยมากๆ ที่เรามีพื้นที่เพาะปลูกอาราบิก้าตามดอยสูงในเชียงราย มีกาแฟดอยช้างที่คุณภาพติดอันดับโลก เทียมบ่าเทียมไหล่กับมหาอำนาจกาแฟโลกจากอเมริกาใต้และแอฟริกา ร้านกาแฟในไทยส่วนใหญ่ใช้อาราบิก้าในประเทศครับ เพราะภาษีนำเข้ายังสูง ทำให้อาราบิก้าจากนอกราคาแพงมาก ที่สำคัญองค์ความรู้ของชาวไร่กาแฟของไทย ทำให้ผลผลิตอาราบิก้าของเราคุณภาพดีทีเดียว ดื่มกาแฟดีๆในยุโรป รสชาติไม่ต่างกับอาราบิก้าดีๆของไทยเลยครับ

เมล็ดกาแฟนั้น ถ้าเก็บแบบเมล็ดกาแฟดิบ (Green bean) เก็บในช่องเย็นได้นานนับปี แต่หลังจากคั่ว (Roasting) แล้วใส่ถุงฟอยล์ (250 / 500 กรัม) อายุความหอมอร่อยประมาณ 1 เดือนครับ ยิ่งหลังจากบดแล้ว (Grinding) อย่าเก็บนานเกิน 2 สัปดาห์ ความหอมของ coffee aroma จะนับถอยหลังไปเรื่อยๆ คั่วแล้ว บดแล้ว เก็บไว้นานๆ กาแฟจะเก่า ไม่ได้เน่าเสียอะไรหรอกครับ แต่ coffee aroma จางลง coffee body หาย ถ้าเก็บไม่ดี อาจจะมีกลิ่นแปลกๆ ทำให้เสียอรรถรสไป

เครื่องชงอัตโนมัติ ใช้เมล็ดกาแฟคั่ว (Roasted coffee) เวลาซื้อก็กะปริมาณเพื่อใช้สัก 3-4 สัปดาห์ ส่วนเครื่องชงแบบดริป ซื้อแล้วบอกคนขายให้เขาบดสำหรับเครื่องดริปนะครับ (ไม่ควรมีค่าบริการใดๆ) ซื้อในปริมาณสำหรับสองอาทิตย์พอ จะซื้อจากที่ไหนก็ตามสะดวก เคล็ดลับสำคัญขอให้คำนึงเรื่องอายุ ความสดใหม่นี่ละครับ เวลาเปิดถุงฟอยล์ใช้แล้ว ถ้ายังมีกาแฟเหลืออยู่ในถุง ให้พับเก็บใส่ตู้ปิดมิดชิด อย่าให้โดนแดด โดนลม โดนความร้อน เพื่อคงสภาพของกาแฟไว้ให้นานที่สุด

The Refresher มีเมล็ดกาแฟดอยช้างขาย หนึ่งกก.ชงกาแฟร้อนด้วยเครื่องชงสองแบบนี้ ได้ประมาณ 100 แก้วครับ เฉลี่ยต้นทุนต่อแก้วประมาณ 7-8 บาท ถุงฟอยล์จะมี 2 ขนาด 250 และ 500 กรัม สำหรับกทม.และปริมณฑล ซื้อ 5 กก.ขึ้นไป มอเตอร์ไซค์มาส่งครับ ถ้าปริมาณน้อย เช่น 500 กรัมหรือ 1 กก. ส่งทางไปรษณีย์ (คิดค่าส่งตามอัตราของไปรษณีย์ครับ) ส่วนต่างจังหวัด ส่งโดยบริษัทขนส่งหรือทางไปรษณีย์ ขึ้นกับปริมาณครับ โทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Hotline 087-5160330

Back to Article

Outside Catering Service Catering Coffee Break High Tea Cocktails Grand Opening/Exhibition Party Beverage Snack Box